เรื่องนี้เล่าถึง โจเอล (จิม แคร์รี่) ถึงกับงงเมื่อพบว่า คลีเม็นไทน์ (เค็ท วินสเล็ต) แฟนสาวของเขาได้ลบความทรงจำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาและเธอที่สับสนอลหม่าน ในภาวะอันสิ้นหวังแบบนี้ โจเอล ต้องติดต่อนักประดิษฐ์อย่าง ดร. โฮเวิร์ด (ทอม วิลคินสัน) เพื่อลบเธอ ออกไปจากความทรงจำของเขาบ้าง แต่เมื่อความทรงจำของโจเอลค่อย ๆ ถูกทำให้สูญหายไปนั้น เขากลับเริ่มค้นพบความรู้สึกเสน่หา ลึกลงไปในช่องว่างบางส่วนในสมองของโจเอล เขาพยายามจะหนีไปจากขบวนการลบความทรงจำ ในขณะที่ ดร.
มันเป็นเรื่องราวที่เปิดเผยผ่านกาลเวลาและพื้นที่อันกว้างใหญ่ โดยถักทอชะตากรรมของเทพเจ้าและมนุษย์เข้าด้วยกันในผืนผ้าแห่งความทุ่มเทอันเป็นอมตะและความหลงใหลอันไม่สิ้นสุด
หนังโรแมนติกแฟนตาซีจึงมักมีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างตัวละครสองคน ซึ่งต้องเผชิญกับอุปสรรคที่เหนือธรรมชาติ เช่น พลังชั่วร้าย สัตว์ประหลาด หรือกฎเกณฑ์ของโลกแฟนตาซี
“ตอนหาเสียงไปแบบไม่รู้จักอะไร หาเพื่อนเอาข้างหน้า หาเสียงด้วยวิธีใช้เครือข่ายที่ดินที่เคยทำงานละแวกนั้น แล้วก็ไปให้เขาช่วยแต่ขอพักอาศัยกับเขา ขอเอารถไปจอด ขอเอาป้ายไปลง ขอให้เป็นศูนย์ประสานงานจนได้รับเป็นเพื่อนกันถึงทุกวันนี้”
ภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ชายหนุ่มเริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้น จึงได้ทำกิจกรรมร่วมกลุ่มหลักของนักกิจกรรมรามคำแหง ก่อนโยงไปทำกิจกรรมกับ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ที่ช่วงเวลานั้นมีศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองเลขาธิการ ตอนนั้นนิสิต นักศึกษา เคลื่อนไหวหลากประเด็นปัญหาชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนปากมูล โรงโม่หิน และปัญหาอำนาจล้นมือของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
และเมื่อพวกเขาเดินทางผ่านช่วงขึ้นๆ ลงๆ ของชีวิต พวกเขาก็เข้าใจว่ามาตรวัดความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ความมั่งคั่งหรือสถานะ แต่อยู่ที่ความสัมพันธ์ที่พวกเขาเลี้ยงดูมา และผลกระทบที่พวกเขามีต่อชีวิตของคนรอบข้าง เพราะในโลกที่การเปลี่ยนแปลงคงที่เพียงอย่างเดียว ความเชื่อมโยงที่พวกเขาสร้างและความทรงจำที่พวกเขาแบ่งปันจะคงอยู่ต่อไปอีกนานหลังจากฝุ่นคลี่คลายและถนนหนทางว่างเปล่า
เรื่องนี้เล่าถึง มอลลี่ และ แซม เป็นคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และรักกันหวานชื่อนจนคู่อื่น ๆ ต้องอิจฉา พวกเขาเพิ่งตกแต่งอพาร์ทเม้นท์ในนิวยอร์คใหม่ แล้วค่ำหนึ่ง แซมถูกรถชนเสียชีวิต ทันที มอลลี่ทั้งเสียใจทั้งสับสนและฟุ้งซ่านจนแทบไม่เป็นอันทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ
เราคิดว่าความรู้สึกที่เรามีต่อบ้านจะค่อยๆ เปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่เราเติบโตขึ้น อายุมากขึ้น มีหน้าที่การงาน และค่อยๆ มีชีวิตที่ห่างไกลจากบ้านมากขึ้น เราเองก็เป็นเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งเรียนจบ เพิ่งจะเปลี่ยนผ่านชีวิตจากวัยเรียนก้าวสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว เหมือนคนหนุ่มสาวมากมายที่ต้องไกลจากบ้านเพื่อบางสิ่ง
ไม่ว่าอยู่แห่งไหน ดั่งเรามีสายใยผูกพัน
“เราไม่มีเพลงจังหวะกระชับ ให้ผู้ชุมนุมได้มีส่วนร่วม ก็เลยคิดว่านำเพลงผีห่าซาตานมาผสมกับทำนองกันตรึม ที่จะเล่นเปิดวงแบบซาวน์เช็ค พอเล่นหลายปี จึงลองเอามาเขียนเนื้อใส่ ก็เลยคิดถึงเรื่องการรัฐประหาร คิดถึงรัฐเผด็จการ นาฬิกา เรือดำน้ำ คิดถึงประชาชนที่สู้กับพวกนี้ ก็เลยออกมาเป็นเพลง ความเป็นผีห่าซาตาน เป็นนามธรรมคือพวกปรสิต เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่มีอำนาจ ผีห่าตนใดทำให้มึงต้องชั่วแบบนี้นะ ผีห่าซาตานตนใด ที่พ่อแม่มึงไม่ได้สอนให้ชั่วแบบนี้ ผมเข้าใจว่าผีห่าซาตานที่ผมเขียน มันมีอิทธิพลในการทำชั่วไม่อายฟ้ามัวดิน”
เพลง ไม่เคยจะห่างกัน นี้บอกเล่าถึงคู่รักที่ต้องห่างกันไปเพราะต่างคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำต่างกัน อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่ว่าหัวใจนั้นไม่เคยจะห่างกัน
ส่วนสำคัญสำหรับเบียร์ต่อพรรคอนาคตใหม่อีกอย่างคือการแต่งเพลง ‘ทุ่งฝันวันใหม่’ เพลงที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ “ร่วมสร้างอนาคตใหม่ผ่านเสียงดนตรี” ในความหมายที่มองไปให้ถึงสังคมอันเทียมเท่า การปลุกความหวังของคนที่จะคานอำนาจรัฐเผด็จการ พร้อมกับดูแลดอกผลเสรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนับจากนี้ไป
เสริมดวงชะตาของคุณ: เพื่อขยายพลังด้านบวกที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ความฝันนี้ รวมเพลงเศร้า ให้ลองผสมผสานแนวทางปฏิบัติที่ส่งเสริมการมีสติและการคิดเชิงบวกในชีวิตประจำวันของคุณ การทำสมาธิ การมองภาพ และการกำหนดความตั้งใจสามารถช่วยปรับกรอบความคิดของคุณให้สอดคล้องกับศักยภาพที่จะเกิดผลลัพธ์ที่ดี ดึงข่าวสารเชิงบวกและโอกาสที่ฝันไว้มาให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ฉันเฝ้ารอในวันที่เจอบอกก็รักและคิดถึงเธอ